Site icon Top Rank Thailand

10 อันดับอาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ

10 อันดับอาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ

เรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าคนไทยใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก จะบริโภคอาหารชนิดใดต้องหยิบขึ้นมาดูส่วนประกอบและโภชนาการอาหารด้านหลังซะก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะอาหารที่เราบริโภคเข้าร่างกายนั้นหากเป็นอาหารที่มีประโยชน์มีคุณค่าทางโภชนาการสูงก็จะช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายเราแข็งแรงในระยะยาว ตรงกันข้ามหากเราบริโภคอาหารไม่มีประโยชน์ ตามใจปากมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงผลเสียในอนาคตอาจจะทำให้ต้องมาคอยรักษาตัวเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลได้ในภายหลัง
ปัญหาสุขภาพยอดฮิตของคนไทยอีกหนึ่งปัญหาได้แก่ “โรคอ้วน” ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขในลำดับแรกๆเลยทีเดียว เมื่อกล่าวถึงความอ้วนแล้วบางคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติและไม่เห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ แต่เมื่อระยะยาวความอ้วนเป็นพาหะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดัน มักเกิดมาจากปัจจัยในเรื่องของน้ำหนักตัวทั้งสิ้น จึงแนะนำว่าควรหันมาดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นดีกว่าเกิดขึ้นแล้วแก้ไขทีหลัง Top Rank Thailand ได้คัดเลือก 10 อันดับอาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพมาฝากเพื่อเป็นทางเลือกให้คนที่กำลังดูแลสุขภาพและกำลังลดน้ำหนักเพราะการงดกินอาหารทุกมื้อมันจะทำให้ระบบภายในของคนเราเสียได้ ดังนั้นควรเลือกกินอย่างถูกวิธี

1. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ไข่ขาว

เมื่อพูดถึงไข่อาจจะเป็นเมนูอาหารสิ้นคิดของใครหลายๆคน แต่เมนูสิ้นคิดชนิดนี้ทราบหรือไม่ว่ามีประโยชน์มากมายล้นหลามเลยทีเดียว ไข่ 1 ใบสามารถนำไปประกอบเมนูอาหารได้มากมายเช่น ไข่ต้ม ไข่ดาว ข้าวไข่เจียว ข้าวห่อไข่ ข้าวไข่ข้น ฯลฯ แต่หากต้องการที่จะลดน้ำหนักหรือรักษารูปร่างอาจจะต้องเลี่ยงอาหารประเภทที่ใช้น้ำมันมากๆอย่างไข่เจียวหรือไข่ดาว หันมารับประทานเป็นไข่ต้มแทน อาจทานพร้อมกับผักผสมเป็นสลัดหรือประเภทยำก็ได้ ทีนี้เมื่อกล่าวถึงไข่ 1ใบจะแบ่งเป็นไข่แดงและไข่ขาว ซึงโดยส่วนมากแล้วพวกนักกีฬาหรือคนที่เล่นกล้ามจะต้องการเพียงแค่ไข่ขาวเท่านั้นเพราะในส่วนของไข่แดงถึงแม้จะมีสารอาหารประเภทวิตามินมากกว่าแต่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงกว่า ในไข่ขาวนั้นมีโปรตีนมากกว่าไข่แดงและมีแคลอรี่ต่ำเพียงแค่ 17 แคลอรี่เท่านั้นเรียกว่ากินยังไงก็ไม่อ้วนแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าไข่แดงนั้นไม่จำเป็นเลย เรายังคงต้องรับประทานไข่แดงอย่างประมาณวันละ 1 ฟองเพื่อรับสารอาหารประเภทวิตามินเกลือแร่ที่จำเป็นด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของไข่ขาว
• โปรตีนสูง (1ฟองมีโปรตีน 3.6 กรัม) และเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ
• มีวิตามินบี 2 ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
• มีโพแทสเซียมช่วยในการบำรุงหัวใจ กระดูก และการทำงานของเซลล์ต่างๆ
• เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน


บทความแนะนำ : 10 อันดับคลินิกลดพุงหน้าท้องมาตรฐานสูง ปลอดภัย 100%


2. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : เนื้อปลา

เมนูอาหารประเภทปลาทั้งหลายมักจะเป็นเมนูที่คลีน ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่กำลังลดน้ำหนักหรือดูแลรูปร่างมักใช้ปลากประกอบอาหารเป็นเมนูหลัก เนื้อปลานำมาทำอาหารได้หลากหลายประเภททั้ง ทำน้ำพริก ทอดน้ำปลา ต้มยำ เบอร์เกอร์ปลา ฯลฯ ถึงแม้ว่าปลาจะเป็นสัตว์น้ำชนิดเล็กๆแต่สารอาหารที่มาจากเนื้อปลานั้นไม่ได้ด้อยไปมากกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆอย่าง เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว จะเห็นได้จากคนญี่ปุ่นนิยมบริโภคอาหารประเภทปลาเป็นหลักเพราะปริมาณไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมีปริมาณสูง แต่มีปริมาณโคเลสเตอรอลต่ำ โปรตีนที่ได้จากเนื้อปลามีกรดอะมิโนครบถ้วนอุดมไปด้วยแร่ธาตุและ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินบี มีผลในการช่วยเครื่องของระบบประสาทและความจำ
ปลาแบ่งเป็น 2 ชนิดได้แก่ ปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม 2 ชนิดนี้มีประโยชน์ที่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ปลาน้ำจืดจะมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่า และมีระดับกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่าเล็กน้อยปลา ส่วนทะเลจะได้เปรียบตรงที่มีโอเมก้า 3 มากกว่า

ประโยชน์ของการบริโภคเนื้อปลา
• ปลาทุกชนิดมีแร่ธาตุไอโอดีนมีประโยชน์จำเป็นต่อทั้งร่างกาย
• พลังงานน้อยกว่าเนื้อสัตว์อื่นแต่มีโปรตีนพอพอกัน
• กระดูกปลาหรือก้างปลามีแคลเซี่ยม
• มีสารอาหารประเภทโอเมก้าช่วยในเรื่องของระบบประสาท
• เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนกำลังควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน (ไม่รวมปลาทอด)


3. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ไก่ต้ม

เป็นที่นิยมกันอย่างมากในสมัยนี้ อกไก่ถูกเลือกเป็นเมนูประกอบอาหารหลักของนักกล้าม นักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะเนื้อไก่ให้พลังงานสูงอุดมไปด้วยโปรตีน 100 กรัมให้โปรตีนสูงถึง 22.5 กรัม พลังงาน 120 แคลอรี่ หลายคนมักเข้าใจว่าการรับประทานไก่มากๆอาจทำให้เป็น “โรคเกาต์” ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานจนทำให้เกิดข้ออักเสบเรียก แต่ในความเป็นจริงเนื้อไก่ไม่ได้ทำให้เกิดโรคดังกล่าว เพียงแต่คนที่มีอาการข้ออักเสบอยู่แล้วไม่ควรเพิ่มระดับกรดยูริกให้อาการแย่ลงกว่าเดิมก็เท่านั้น ไก่ต้มยังเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับควบคุมน้ำหนักเพราะกินยังไงก็ไม่อ้วนถ้ากินในปริมาณที่ไม่มากจนเกินเหตุจำเป็น (เนื้อไก่ไม่ติดมันและไม่รวมหนังไก่) โดยสมัยนี้มีการนำอกไก่มาปั่นเพื่อที่จะได้รับประทานง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมดูเรื่องของคุณภาพและความสะอาดของเนื้อไก่ด้วย

ประโยชน์ของเนื้อไก่
• สามารถนำไปประกอบอาหารได้เกือบทุกอย่างทั้ง ทอด ย่าง ต้ม
• ช่วยเพิ่มสมรรถภาพของกล้ามเนื้อและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
• มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายเช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซีลีเนียม


4. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เป็นที่นิยมกินกันมากไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศผลไม้ชนิดนี้ก็เป็นที่นิยม เนื่องจากมีรสชาติที่ หอมหวาน มีสีสันน่ากินแล้ว ยังมีคุณค่าของสารอาหารมากมายอีกด้วย
นอกจากนั้น แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น วิตามิน กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี เป็นต้น ไม่ใช่แต่เพียงเนื้อในของแอปเปิ้ลเท่านั้นตัวเปลือกนอกก็ยังมีสรรพคุณของเส้นใย “เพคติน” ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นคอเลสเตอรอลไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย แอปเปิ้ลแต่ละสีจะมีคุณค่าทางอาหารและรสชาติต่างกันนิดหน่อย แอปเปิ้ลเขียวจะมีน้ำตาลน้อยกว่าสีอื่นๆเหมาะสมเป็นอย่างมากกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักควบคุมปริมาณน้ำตาล ในขณะที่แอปเปิ้ลสีแดงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยุ่ที่เปลือกด้วย อย่างไรก็ตามควรระวังเรื่องของสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงด้วยควรล้างน้ำเปล่าให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน

ประโยชน์ของแอปเปิ้ล
• ป้องกันคอเลสโตรอลในเลือดสูง
• โรคหัวใจ
• โรคความดันโลหิตสูง
• มะเร็งลำไส้ใหญ่
• แอปเปิ้ล 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 59 แคลอรี่ เท่านั้น


5. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ส้มตำ

เมื่อพูดถึงอาหารอีสานอย่างแรกที่ต้องคิดถึงคือส้มตำหรือภาษาลาวนั้นเรียกกันว่า ตำหมากหุ่ง เป็นอาหารไทยที่ไม่ใช่แต่คนไทยชอบเท่านั้นแต่ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยมักไม่พลาดที่จะต้องลอง ยุคนี้เมนูส้มตำไม่ได้มีแค่ตำไทยกับตำปูเท่านั้นแต่ยังสามารถนำส่วนประกอบต่างๆมาใส่รวมกันซึ่งแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลว่าอยากลดอะไรหรือใส่อะไรเพิ่มเช่น ตำซั่ว ตำถาด ตำข้าวโพด ตำแตง ตำหอยแครง ฯลฯ อย่างไรก็ตามการรับประทานส้มตำที่มีส่วนผสมของปลาร้าต้องคำนึงในเรื่องความปลอดภัย ความสะอาดด้วย หากต้องการลดน้ำหนักด้วยเมนูนี้ไม่ควรรับประทานในส่วนที่เป็นน้ำมากเกินไป เพราะส่วนประกอบของน้ำส้มตำมักจะมี น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซึ่งหากร่างกายได้รับมากเกินไปก็ก่อให้เกิดโทษได้เช่นเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะทานคู่กับส้มตำอย่างาขาดไม่ได้ก็คือข้าวเหนียวเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูงดังนั้นควรรับประทานให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมหากต้องการควบคุมน้ำหนัก


6. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ดาร์กช็อกโกแลต

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังลดน้ำหนักอยู่แต่ชอบรับประทานซ็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจ “ดาร์กช็อกโกแลต” เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่ง บางคนอาจจะเถียงว่ากินซ็อกโกแลตทำไมจะไม่อ้วน ซึ่งคำตอบก็ถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะมีบางประเภทที่สามารถรับประทานตอนกำลังลดน้ำหนักได้

• Milk Chocolate คล้ายกับดาร์กช็อกโกแลตเพียงเพิ่มส่วนประกอบของนมเพิ่มเติม ทำให้มีรสชาติหวาน มัน
• White Chocolate ไม่มีส่วนผสมของ โกโก้ลิคเคอ แต่ผสมของโกโก้บัตเตอร์ น้ำตาล นม และแต่งกลิ่น
• Dark Chocolate ช็อกโกแลตเข้มข้น มีส่วนประกอบของ โกโก้ลิคเคอ ไขมันโกโก้ น้ำตาล สามารถใช้ในการประกอบอาหารอื่นๆได้ด้วย

ประโยชน์ของดาร์กช็อกโกแลต
• ช่วยลดคอเรสเตอรอล
• บำรุงหัวใจและเลือด
• ช่วยเรื่องระบบความจำ
• ช่วยควบคุมน้ำหนักเมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสม


7. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ข้าวไรซ์เบอรี่

ข้าวแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยปัจจุบันคนไทยใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้นทำให้การบริโภคข้าวขาวน้อยลงหันมาบริโภคข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่แทน แต่น้อยคนจะทราบประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอรี่ว่าโดยแท้จริงแล้วในกลุ่มคนที่ลดน้ำหนักทำไมจึงต้องบริโภคข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอรี่
ข้าวไรซ์เบอรี่เป็นข้าวสายพันธุ์คนไทยที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก อุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิดได้แก่ วิตามินอี, วิตามินบี 1, โอเมก้า 3, ธาตุเหล็กม ใยอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย สาเหตุที่ข้าวไรซ์เบอรี่เหมาะแก่การควบคุมน้ำหนักคือ เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้วพลังงานจะค่อยๆถูกนำมาใช้ทีละน้อย (ไม่เปลี่ยนเป็นพลังงานเร็วเหมือนกับข้าวขาว) จึงไม่เกิดการสะสมของพลังงานส่วนเกิน นอกจากนั้นหากร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานก็จะไม่เกิดการสะสมของแป้งและไขมัน ส่วนที่เหลือจะถูกขับถ่ายออกทั้งหมดจึงทำให้ข้าวไรซ์เบอรี่เป็นอาหารอีกชนิดที่กินยังไงก็ไม่อ้วน

สรรพคุณของข้าวไรซ์เบอรี่
• บำรุงสายตา
• บำรุงประสาท
• ช่วยลดระดับไขมัน และคอเรสเตอรอล
• ชะลอความแก่
• ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง


8. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ประเภทต้มยำ

ผ่านอาหารประจำชาติอย่างส้มตำมาแล้วมาถึงอาหารไทยที่เป็นที่เรื่องลือของชาวต่างชาติอีกชนิดได้แก่ “ต้มยำ” วัตถุดิบที่นำมาปรุงกับต้มยำมักจะเป็นสมุนไพรเพื่อให้เกิดความหอมน่ารับประทานที่สำคัญสามารถทำเองได้ง่ายๆโดยที่เครื่องเคียงทั่วไปหาซื้อได้ตามตลาดใกล้บ้านอย่างเช่น ต้นหอม ผักชี มะนาว พริกขี้หนู สิ่งที่ใส่เพิ่มเพื่อให้ต้มยำสมบูรณ์แบบเพิ่มความอร่อยและสารอาหารประเภทโปรตีนให้มากยิ่งขึ้นได้แก่เนื้อสัตว์ซึ่งสามารถใส่ได้แทบทุกชนิด ต้มยำกุ้ง ต้มยำไก่ ต้มยำหมู ต้มยำปลา ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ในขณะที่ลดน้ำหนักอาหารประเภทต้มยำเป็นอาหารที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะกินง่าย อร่อยและสารอาหารครบถ้วนเลยทีเดียว แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงในเรื่องของน้ำมันอย่างต้มยำให้เลือกเป็นน้ำใสไม่ใช่น้ำข้นเพราะมีส่วนผสมของกะทิซึ่งอาจทำให้อ้วนในภายหลังได้ อีกสิ่งหนึ่งคือเรามักซดน้ำต้มยำจนแห้งขอดเนื่องจากความแซ่บแต่ในขณะที่ควบคุมน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงน้ำต้มยำที่มีรสจัดเกินไป มักมีส่วนผสมของน้ำปลาหรือโซเดียมเป็นจำนวนมากซึ่งอาจทำให้เกิดการบวมน้ำได้


บทความแนะนำ : 10 อันดับคลินิกสลายไขมันด้วยความเย็น ปลอดภัยได้มาตรฐาน


9. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ฝรั่ง

ฝรั่งจัดอยู่ในตะกูของชมพู่มีถิ่นกำเนิดมานากแถบอเมริกากลางและเข้ามายังประเทศไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายมหาราช สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักการรับประทานผลบางประเภทจะมีน้ำตาลค่อนข้างสูงไม่เหมาะกับการรับประทานขณะกำลังลดน้ำหนัก หากต้องการหาผลไม้ทานฝรั่งเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่แนะนำ เมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกอิ่งนานเพราะมีกากใยอาหารช่วยปรับระดับอินสุลินในร่างกายให้เหมาะสม ใสฝรั่ง 1 ลูก (55 กรัม ให้พลังงาน 38 แคลอรี่ ไขมันเพียงแค่ 0.5 กรัมเท่านั้น) อุดมไปด้วยวิตามิน A, B, C และร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ใครที่ไม่สบายชอบเป็นหวัดการทานฝรั่งช่วยป้องกันได้เช่นกัน

ประโยชน์ของฝรั่ง
• ต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดี
• เสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
• ช่วยลดไขมันในเลือด
• รักษาโรคเบาหวาน
• เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก


10. อาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วน : ธัญพืช

ทราบหรือไม่ว่าคุณค่าทางสารอาหารหลายชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุหลายชนิด มีอยู่ในเมล็ดธัญพืช โดยส่วนมากแล้วเมื่อเอ่ยถึงธัญพืชคนจะนึกถึงแค่ถั่วหรือเมล็ดฟักทอง แต่ในความจริงแล้วธัญพืชมีมากมายหลายชนิดเช่น

• ข้าวโพด มีคุณค่าทางอาหารหลายชนิดได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน ช่วยในการต้านทางมะเร็ง โรคหัวใจ ลดอาการท้องผูก
• ลูกเดือย มักนำมาใส่น้ำหวานหรือน้ำแข็งใส ซึ่งในขณะที่กำลังลดน้ำหนักแนะนำว่าควรรับประทานกับน้ำเปล่าหรือน้ำเต้าหู้เท่านั้น ประโยชน์ของลูกเดือย ช่วยแก้ร้อนใน บรรเทาอาการกระหายน้ำ มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย
• งา นิยมนำมาใช้ปรุงอาหารให้เกิดความหอมเป็นที่นิยมมากในหมู่คนลดน้ำหนัก ลูกเดือยอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี มีประโยชน์ช่วยบำรุงเส้นผม หนังศีรษะ อีกทั้งยังช่วยในการเผาผลาญไขมัน
• เมล็ดทานตะวัน สามารถหารับประทานกันได้ง่ายตามเซเว่น ประโยชน์ของเม็ดทานตะวันสามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้หัวใจทำงานปกติ ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ

ธัญพืชยังมีอีกมากมายหลากหลายประเภท โดยส่วนมากแล้วจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากรับประทานมากจนเกินไปก็เกิดการสะสมได้เช่นเดียวกัน ควรลำลึกอยู่เสมอว่ากินยังไงไม่ให้อ้วน

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ 10 อันดับอาหารที่กินยังไงก็ไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ เราหวังว่าเพื่อนๆ คงจะได้สาระความรู้กันไปบ้างนะครับและที่สำคัญนะครับไม่ควรที่จะหยุดกินอาหารเพื่อทำการลดความอ้วนอย่างเด็ดขาดเลยนะครับเพราะมันจะทำให้ ระบบภายในของเรานั้นเสียได้ครับ ดังนั้น ควรที่จะเลือกกินเพื่อลดความอ้วนอย่างถูกวิธีนะครับ

Exit mobile version